ก่อนหน้านี้สาบานว่าไม่ได้สน Niseko เลยรู้ว่าแค่สวย แต่ดูแล้วน่าจะไปยากมากจนเพื่อนคนนึงไปเล่นสกีมาแล้วส่งรูปมาให้ดู เว้นเห้ยยยย Niseko สวยมากๆ เพื่อนๆบอกว่าจริงๆแล้วเดือนทางไม่ยาก ผมเลยลองหาข้อมูลดู เออ ไปง่ายมากๆ และไม่เหนื่อยด้วยมีวันหยุดแต่ 4-5 วันก็ยังไปได้ ลองอ่านดูนะครับน่าจะเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆแพลนทริปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
นิเซโกะเป็นเมืองเล็กๅที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้คนไทยก็สามารถเดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดได้ง่ายมากยิ่งขึ้นตั้งแต่สายการบินแอร์เอเชียเปิดบริการเที่ยวบินตรง ซึ่งเมื่อร่วมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วไปกลับราคาไม่ถึงหมื่น ( ถูกที่สุดอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท ) ซึ่งราคานี้ทำให้เราสามารถมาเที่ยวฮอกไกโดง่ายขึ้นมากๆเลยครับ ตอนนี้มีโปรอยู่
ปกติแล้วคนไทยจะนิยมเที่ยวฮอกไกโด เที่ยวนิเซโกะในเดือน ธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ เพียงสามเดือนเท่านั้น ซึ่งขอแอบกระซิบเบาๆว่า ช่วงสามเดือนนั้นเป็นช่วงที่คนเยอะที่สุดและแพงที่สุดครับ
โดยปกติแล้ว ผมชอบเลือกเดินทางในช่วงรอยต่อฤดูกาล ซึ่งห้องพักและค่าใช้จ่ายต่างๆจะถูกลงค่อนข้างเยอะ ไม่ต้องแย่งกันกิน คนน้อยไม่วุ่นวาย โดยในทริปนี้ผมบินตรงมาที่สนามบิน New Chitose Airport
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมเดินทางมาที่ฮอกไกโดแอบชอบความไม่วุ่นวายที่นี่อยากพักสักคืนหาทานอะไรอร่อยๆ ก็เลยเลือกพักในเมืองก่อนไปลุยกันต่อในวันรุ่งขึ้น
คืนแรกแค่ใช้นอนก็เลยเลือกประหยัดพักที่ The Stay Sapporo ห้องพักราคาโอเคเลย มีห้อง Living Room กว้างเดินทางสะดวก วัยรุ่นเยอะไม่เหงา ใกล้ๆ 7-11 เดินทางไปไหนมาไหนสะดวกดี
* ห้องแบบดอร์มราคาเริ่มต้น 620 บาท
ดูข้อมูลและสำรองห้องพักได้ที่ http://thestaysapporo.com/en/
ร้านนี้เป็นร้านกาแฟและร้านไวน์ ผมไปตอนจะปิดแล้วเลยไม่มีโอกาส ใครผ่านไปร้านนี้ฝากลองกาแฟแล้วมาบอกด้วยนะว่าอร่อยมั้ย เห็นเพื่อนๆที่ญี่ปุ่นแนะนำว่าดีมาก
ตอนกลางคืนในเมืองเดือนสบายมากๆ มีร้านอาหารเพียบ เดินเข้า 7-11 ซื้อเบียร์สองกระป๋อง รีบนอนเก็บแรงไปเที่ยว Niseko พรุ่งนี้ดีกว่า
ก่อนเดินทางได้พอศึกษาข้อมูลพอสมควร เพื่อนๆแนะว่าให้ลองหาข้อมูลที่ Niseko Village ดูข้อมูลได้ที่นี่ https://niseko-village.com/en/ ซึ่งหากเพื่อนๆจะเดินทางเค้ามี Application ให้สามารถดาวโหลดไว้ดูข้อมูลต่างๆล่วงหน้าด้วยนะ สามารถโหลดได้ที่ https://niseko-village.com/en/
อยากให้เพื่อนๆที่จะไปเที่ยวนิเซโกะลองโหลด Application ติดมือถือไว้ เพราะสามารถอ่านข้อมูลกินเที่ยวมากมาย แต่ที่ผมชอบมากมีรายงานสภาพอากาศแบบ Reatime อัพเดต Status จุดเล่นหิมะ และที่เจ๋งที่สุดคือมี Webcam สถานที่ต่างๆมากมาย ทำให้เราแพลนทริปได้ว่าไปเที่ยวไหนก่อนดี สถานการณ์เป็นยังไง
จาก Sapporo สามารถเดินทางไป Niseko ได้ไม่ยากเลยครับ เราสามารถเลือกนั่งรถบัสนอนไปยาวๆแค่สองชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น จริงๆแล้วใครไม่อยากแวะซัปโปรโรจะไป Niseko เลยก็มีบริการเช่นกัน ราคาเที่ยวละ 2600 เยน ถ้าจองไปกลับราคาจะเหลือแค่ 4,500 เยน
วิวสองข้างทางสวยมากๆครับ มีหลายช่วงที่ผ่านสะพานสูงและลอดอุโมงค์นอนฟังเพลงดูวิวไป เป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่ไม่อยากแตะมือถือเลย ปล่อยให้เครื่องเล่นเพลง Shuffle เพลงไปเรื่อยๆ
สำหรับโรงแรมที่อยากแนะนำให้พักคือโรงแรม The Green Leaf Niseko Village ( www.thegreenleafhotel.com ) เป็นโรงแรมสกีรีสอร์ตที่มีห้องพักถึง 200 ห้อง มีออนเซน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ลองเดินตามผมมาชมกันได้เลย
ส่วนแรกเป็นบริเวณลอบบี้ ทีมีบาร์ มีที่นั่งตกแต่งด้วยเครื่องหนังต่างๆทำให้ดูความรู้สึกอบอุ่น ซึ่งวิวด้านนอกเป็นหิมะขาวสวยมากๆ
พนักงานเฟรนลี่ พูดภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว มาพักไม่ต้องเป็นห่วงเลย ที่นี่มีลูกค้าคนไทยมาพักพอสมควรเลยนะครับแต่ไม่อึดอัด ห้องที่จะพาไปดูกันเป็นห้องแบบ Deluxe Room เชื่อมั้ยว่าราคาไม่แพงเลย ช๊อคมากๆ ช่วงมีนาคมราคาเริ่มต้นที่ 2,950 บาท ( ช่วงเมษายนบางวันยังมีราคานี้นะ ) เป็นราคาที่คุ้มค่ามากรวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่แล้วด้วยนะ
เปิดห้องเข้ามาก็เป็นแบบนี้ อันดับแรกที่ผมมองเลยก็คือวิวหิมะด้วย
ผนังของห้องตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ลายต้นไม้ที่ให้ความรู้สึกเดียวกับต้นไม้ในฤดูหนาวที่เรามองเห็นนอกหน้าต่าง
ห้องเรียบๆ น่ารักดีนะครับ อยากให้แอบไปส่องราคาจังเลย ลองไปดูกันที่ www.thegreenleafhotel.com/en/accommodation.html
อีกส่วนที่ผมชอบมากๆคือห้องอาหาร เป็นห้องกว้างแบบเพดานสูงมากๆ และตรงกลางยังมีกระจกตกแต่งสวยงาม นั่งทานราเมนดูวิวข้างนอกฟินแท้ ร้านอาหารโรงแรมนี้ราคาดีไม่ค่อยแรงครับ ทานได้สบายๆ 300 - 600 บาท
เดี๋ยวจะพาไปดูในส่วนของกิจกรรมกันบ้าง สำหรับคนที่มาเที่ยว Niseko แน่นอนหล่ะ มาถึงที่นี่ที่ๆเค้าบอกว่า หิมะมีคุณภาพดีติดอันดับโลกก็ต้องมาสกีสิครับถึงจะพูดได้ว่ามาถึง
ขอเขียนข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสกีรีสอร์ทสักนิด ภูเขาตรงนี้มีชื่อว่า Niseko Annupuri Mountain ซึ่งจะแยกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ Grand Hirafu , Niseko Village และ Annupuri ซึ่งทริปนี้เราเลือกพักกันในโซน Niseko Village ทุกบริเวณกลุ่มโรงแรมจะมีกระเช้าขึ้นมาบรรจบที่เดียวกันคือบนยอดเขา และเราสามารถเล่นสกีได้หมดทุกพื้นที่เลย ซึ่งมีเส้นทางเยอะมากๆ เรียกว่า 3 วันก็ยังไม่พอ
อ่ะ กลับมาที่โรงแรมกันก่อนดีกว่า
ที่ Green Leaf มีบริการให้เช่าอุปกรณ์หรือหากใครสนใจเรียนก็สามารถสอบถามได้ด้วยนะครับ เรียนหลายคนราคาจะถูกกว่าเยอะ ( Group Lesson )
การเล่นหิมะจะถูกแบ่งเป็นสองแบบครับ คือแบบสกีเป็นลักษณะไม้ทรงแบนที่มีความยาวสองอันและใช้ไม้สำหรับการค้ำและทรงตัว และอีกประเภทคือ Snowboard เป็นแผ่นลักษณะคล้ายสเกตบอร์ดแต่ไม่มีล้อและจะมีที่ยึดเท้าทั้งสองข้าง
ซึ่งหากไม่มีประสบการณ์แนะนำให้ลองเริ่มต้นจากสกีก่อนนะครับ ง่ายกว่า และอยากแนะนำจริงๆเลยว่า หากไม่มีประสบการณ์อยากให้เรียนดู คุ้มแน่นอน การเล่นสกีเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่สนุกมากๆ ผมติดใจเลยหล่ะ แต่แน่นอนทุกกีฬาสามารถเกิดอุบัติเหตุได้หากไม่มีความชำนาญยังไงลองพิจารณาดูนะครับ
ก่อนที่ผมจะมาเล่นสกีและ Snowboard ในวันนี้ พนักงานบอกว่ามีรถรับส่งไปในเมือง Niseko ด้วยนะ มีรถทุกครึ่งชั่วโมง เค้าแนะนำให้ลองไปร้านขนมและร้านไอศกรีมใกล้ๆ ซึ่งมีของดีเมืองนี้เต็มไปหมด เราเลยไปลองหาทานกันดูก่อนกลับมาเล่นสกีครับ
สำหรับเมือง Niseko อาหารและวัตถุดิบขึ้นชื่อก็ไม่ไม่ต่างจากสินค้านิยมจากฮอกไกโด เด่นจะเป็นพวกชีส พวกนม ไอศหรีมที่นี่อร่อยมากๆ แอบงงคนที่นี่เหมือนกัน ด้านนอกหนาวโคตรๆแต่ก็ชอบทานไอศกกรีมกัน แปลกจริง ใครมาร้านนี้ผมแนะนำให้ลองชีสเค้กอร่อยสุดๆ กลับไปห้องวันนั้นร้องไห้ ซื้อมาแค่กล่องเดียวอยากกินอีก หอม นุ่มมากๆเลย
เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งก็มีร้าน The House of Machines เป็นร้านกาแฟ บาร์ แหล่งรวมตัวไบก์เกอร์ด้วย ร้านสวยมากๆ มีขายพวกเสื้อผ้าเท่ๆด้วย เข้าไปซื้อกาแฟสักแก้ว ถ่ายรูปสวยๆสักนิด
และแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะไปเล่นสกีกัน การเล่นสกีและสโนวบอร์ดนั้น เราสามารถไปซื้อตั๋วการขึ้นกระเช้าได้ครับ รวมไปถึงการเช่าอุปกรณ์ต่างๆ เค้ามีให้เลือกเยอะมากหลายแบบหลายราคา ราคาทั้งหมด เล่นแบบ Unlimited ขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ พวกชุดแบบเต็มสตรีมอยู่ที่ 2,500 - 4,000 บาท เอาน่าสักครั้งในชีวิต หลังจากจ่ายเงิน ไปหยิบเลือกของใส่เสื้อผ้า เราก็จะได้การ์ดมาหนึ่งใบใช้ในการแตะขึ้นลงกระเช้า
สำหรับภูเขานี้ มีหลายระดับความยากมากๆ สำหรับเพื่อนๆที่เล่นแรกก็สามารถขึ้นกระเช้าเล็กๆ ไปลองเล่นกันก่อนก็ได้ พอมั่นใจเราก็ค่อยเพิ่มความยากไปเรื่อยๆ ส่วนผมนั้นหรือ ลองขึ้นไปบนสุดของภูเขาเลย
จะบอกว่าตื่นเต้นมากๆ เพราะเขาค่อนข้างชัน ตัวผมเองเคยเล่นมาก่อนตอนเรียนที่ออสเตรเลียเลยพอมีทักษะอยู่บ้าง ประกอบกับการชอบเซิร์ฟเลยถูๆไถๆไปได้ แต่ก็บอกเลยว่ามีตีลังกาตลอดทางเช่นกัน แต่เป็นอะไรที่สนุกและเพลินมากๆ ลองดูในคลิบ
แต่สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์แนะนำว่าอย่าเสี่ยงเลย หากขึ้นมาแล้ววิธีเดียวที่จะกลับได้คือ เดินกลับเป็นชั่วโมงหรือเรียกหน่วยกู้ภัยเรียกรถมาช่วยครับ
ด้านบนแอบมีคาเฟ่น่ารัก ที่มีเครื่องดื่มและอาหารไว้บริการ วิวสวยมากๆ
สำหรับการเล่นสกีตลอดทริปนี้ขอบอกเลยว่าติดใจและสนุกๆมาก เชื่อได้ว่าปีหน้าทุกคนจะได้เห็นผมกลับมาที่นี่อีกแน่นอน พร้อมการเล่นที่เก่งขึ้นแน่ๆ จะแอบไปฝึกฝนและมาซ้ำที่นี่ให้ได้ จำไว้นะ Niseko
กลิ้งบนหิมะมาทั้งวัน สิ่งที่ดีที่สุดและดูเหมือนเป็นรางวัลจากพระเจ้าคือการได้ นอนผ่อนคลายแช่น้ำในบ่อออนเซน โคตรฟินมากๆ และสำหรับเพื่อนๆที่พักที่ Green Leaf ยังสามารถไปใช้บริการออนเซนของโรงแรม Hilton Niseko ได้ด้วยนะครับ ( เนื่องจากอยู่ในกลุ่ม Niseko Village เหมือนกัน ) หรูหราและวิวดีมากๆ ขอบอก
หลังจากแช่น้ำเสร็จแล้วดึกๆอย่าลืมออกมาเดินเล่นที่ Niseko Village เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่สร้างขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีตัวเลือก อยู่ด้านหลังโรงแรม Hilton เลย มีร้านค้า ร้านอาหารแบบต่างๆ คาเฟ่ก็มี เดินสบายๆ ชิลมากๆ
แงๆ ความสุขช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ทริปนี้ผมมีเวลาสั้นมากเพียง 4 วัน 3 คืน ต้องรีบกลับไปทำงานต่อที่กรุงเทพ
ขอสรุปส่งท้าย Niseko ให้เพื่อนๆได้อ่านว่า
ผมแอบหลงรักเมืองนี้มากๆ เพราะเงียบสงบ หลายๆคนคงมีโอกาสไปเที่ยวโตเกียวไปเที่ยวโอซาก้ากันมากแล้ว อันนั้นผมก็ชอบที่เมืองเต็มไปด้วยผู้คนและเทคโนโลยี แต่ญี่ปุ่นจริงๆแล้วมีอะไรอีกมากมายที่สวยงามและมีเสน่ห์ ที่ Niseko ผมรู้สึกได้พักผ่อนกำลังนั่งดูทั้งเมืองที่เป็นสีขาว เล่นสกีทั้งวันแบบไม่ต้องจับมือถือไม่ต้องคุยงาน ตอนเย็นก็แค่เอาตัวแช่ในน้ำร้อนอุ่นๆ ดูวิวพระอาทิตย์ตก ที่นี่เหมาะกับการมากับเพื่อนๆ มากับแฟน หรือจะมากับครอบครัวนี่ยิ่งดีเลย ซึ่งหากเพื่อนๆต้องการข้อมูลโรงแรมผมแนะนำโรงแรงในกลุ่ม Niseko Village www.niseko-village.com ที่มีให้เลือกหลายโรงแรมสำหรับลูกค้าที่หลากหลาย คนที่ Niseko บอกว่าฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็สวยเหมือนกันไม่แพ้ช่วงหิมะเลย สงสัยผมต้องกลับไปที่ Niseko อีกครั้งเร็วๆนี้แน่ๆ ฝากติดตามอ่านกันด้วยนะครับ
บันทึกความทรงจำ หนึ่งในทริปที่ดีที่สุดของปีนี้ I Love Niseko