La Vita Sana โครงการสุขภาพบนพื้นที่กว่า 21 ไร่ใจกลางเขาหลัก ที่อยากให้คนไทยได้รู้จักและได้ใช้บริการเป็นคนแรก
ผมมีโอกาสได้ไปใช้บริการที่ La Vita Sana มา หลายคนน่าจะสงสัยว่าที่นี่คืออะไร ผมเลยลองเข้าไปใช้บริการและมารีวิวเขียนสรุปย่อ มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันในคอนเทนต์นี้
อย่าลืมกดเลื่อนดูภาพบริเวณลูกศรด้านขวามือนะครับ รูปเยอะมากๆ
La Vita Sana เป็นภาษาลาติน แปลว่า ชีวาสุข ซึ่งเป็นโครงการศูนย์สุขภาพเชิงท่องเที่ยว ที่มีบริการครบวงจรทั้งอาหารและการดูแลสุขภาพ
ขึ้นต้นด้วยครับว่า La แน่นอนครับว่าที่นี่เป็นธุรกิจพี่น้องภายใน เครือ La Flora Group ที่มีโรงแรมที่เเป็นที่รู้จักอย่างดี La Flora Khaolak Resort, La Vela Khaolak และโรงแรมสายดีไซน์อย่าง Casa De La Flora ซึ่งหลายคนที่มีโอกาสเข้าพักตามโรงแรมต่างๆจะเห็นว่า ทุกโรงแรมให้ความสำคัญเกี่ยวกับอาหารที่มีคุณภาพ การประหยัดพลังงาน การใส่ใจสุขภาพของผู้เข้าพัก และยังมองถึงความยั่งยืน Sustainability อีกด้วย
จากทั้ง 3 โรงแรม เค้ามีบริการรับส่งมายัง La Vita Sana ด้วยนะครับ
โครงการ La Vita Sana ตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามหนองมูลตะกั่วซึ่งเป็นพื้นที่ที่สวยมากๆ เลี้ยวเข้ามาแล้วจะเจอกับอาคารเป็นยาว ซึ่งโซนนี้จะเป็นห้องอาหารครับ ซึ่งสำหรับผมเองบอกตรงๆว่าเห็นรูปมาเยอะ แต่ของจริงสวยกว่า
ที่นี่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังที่เคยร่วมออกแบบให้กับโรงแรม La Vela Khaolak ตรงบริเวณโถงกลางเพดานสูงมากๆ และมีช่องแสงธรรมชาติส่องลงเข้ามา ทำให้ห้องอาหารมีความสว่าง และเราก็ได้เห็น Texture ของผนังที่ให้ความอบอุ่นจากธาตุดิน ซึ่งบริเวณต่างๆ มีต้นไม้และสมุนไพรหลายร้อยชนิด ที่ให้ความสวยงามและยังมีข้อมูลให้ความรู้อีกด้วย
มองจากถนนใหญ่คิดว่า โครงการนี้ใหญ่แล้ว แต่หลังจากอาคารห้องอาหารยังมีโซนต่างๆด้านหลังโครงการอีกมากมาย ทั้งลานทรายขาว ที่เป็นการวาดทรายแบบวิถีเซน ห้องนั่งสมาธิและกิจกรรม Sound Bath โซนเรียนทำอาหาร, แปลงสาธิตเกษตรที่ทำเป็นแหล่งเรียนรู้ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
ภายในยังมีร้านขายของ ซึ่งร่วม Product ดีๆและยังมีงานศิลปะมูลค่าหลายสิบล้านบาทแสดงอีกด้วย แต่เห็นความหรูหราหรือกล้าลงทุนโครงการนี้ ก็อย่าพึ่งคิดว่าที่นี่ เราจะเข้ามาใช้บริการยาก และราคาทุกอย่างจะแพงนะครับ เพราะทางเจ้าของคุณสมพงศ์ ดาวพิเศษ ตั้งใจสร้างขึ้น เพื่อให้เป็นพื้นที่กึ่งสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้บริการได้ ถ้าสังเกตุดีๆจะเป็นว่า มีสนามทางวิ่งที่อาจารย์ตั้งใจให้คนทั่วไปเข้ามาออกกำลังกาย มีโซนสวยที่อยากให้คนเข้ามาใช้พักผ่อน
ลงทุนระดับพันล้าน เพื่อมาขายอาหารจานหลักร้อย ที่ตั้งใจอยากให้ใครก็เข้ามาทานได้ เพราะของดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่จำเป็นต้องแพง
เดินเที่ยวจนเพลิน เลยขอฝากท้องไว้กับที่นี่สักมื้อ เปิดเมนูดูก็รู้สึกตาแตกครับ งงจริงๆ ตอนแรกก็เตรียมใจไว้ว่าอาหารน่าจะราคาเท่ากับอาหารในโรงแรม แต่ราคาไม่แพงเลย แต่ตอนนี้ผมมาใช้บริการทั้งเดือนพฤศจิกายนยังมีส่วนลดให้อีก 25% มันเกินความคาดหมายมาก
อาหารที่นี่จะถูกแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ Peranakan / Western / Wellness โดยทั้งสามประเภทนี้ รสชาติอาหารจะไม่ใช่แบบ Wellness จ๋า ที่ทานยาก จืด ไม่มีรสชาติ แต่มีการปรับสูตรให้ลงตัว ทานง่าย ดีต่อสุขภาพ
Hyper Local คือการนำเสนออาหารที่ไม่ใช่แค่เลือกเสิร์ฟเมนูท้องถิ่น แต่หัวใจสำคัญคือการคัดเลือกวัตถุดิบ ที่ลดการนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อลดคาร์บอนฟุตปรินต์จากการขนส่ง และเน้นอุดหนุนเกษตรกรชุมชนหรือผู้ผลิตรายย่อยในท้องถิ่น
ที่นี่จะเป็นการนำเสนออาหารที่เน้นการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นที่ดีต่อสุขภาพ และบางส่วนยังมาจากการปลูกในโครงการนี้อีกด้วย ยกตัวอย่างบางเมนูที่เข้าใจง่ายอย่างเช่น สเต๊กปลายำดอกดาหลา ที่เลือกใช้ปลาสดใหม่จากชาวประมงและใช้ดอกดาหลา ใบเหลียงในท้องถิ่น จานนี้อร่อยมากราคาเพียง 350 บาทลดอีก 25% เหลือ 262 บาท
ไล่จากภาพซ้ายไปขวา
ชา Kombucha ที่เกิดจากการหมักชาที่มีแบคทีเรียและยีสต์ชนิดดีต่อร่างกาย ดื่มแล้วช่วยในเรื่องระบบการขับถ่ายและดีกับลำไส้ มีให้เลือกหลายรสชาติเลยครับ Classic Black Tea Honey Combucha, Strawberry and Mint, Kiwi and Orange, Apple ราคา 150 บาท
โลบะเกี๊ยน อาหารเมนูเพอรานากันที่คนตะกั่วป่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นอาหารสไตล์ฮกเกี้ยนที่มีลักษณะคล้ายไส้กรอก
ปอเปี๊ยะสด ปอเปี๊ยะที่มาด้วยเนื้อปูก้อนโตด้านในเป็นผักออแกนิกด้านในมีเนื้อหมูเนื้อปูและเนื้อกุ้ง
มาในส่วนของอาหารจานที่เป็น Main Course ในสไตล์ Western กันบ้างนะครับ
Chicken Rotisserie La Vita Sana จานนี้เป็นไก่ย่างสไตล์ฝรั่งเศสที่เนื้อไก่จะมีกลิ่นหอมจากสมุนไพร และมีกลิ่นของน้ำผึ้ง ซึ่งความพิเศษของจานนี้คือการที่ทางร้านเลือกใช้นำ้ผึ้งทะเล ที่หายากมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพและให้รสชาติที่แตกต่าง
ทำไมน้ำผึ้งทะเลถึงดีต่อร่างกาย เพราะว่าน้ำผึ้งทะเลเกิดจากการที่ผึ้งเก็บน้ำหวานจากไม้ทะเลต่างๆเช่น ดอกไม้บูน ไม้พังกา ไม้เม่าเล ไม้แหม ซึ่งเป็นสมุนไพรที่นิยมใช้รักษาโรคตามภูมิปัญญาของชาวเล
นอกเหนือจากอาหารที่เป็นเมนูผักหรือว่าปลา ที่นี่เค้ายังนำเสนอในเรื่องของเนื้อและการทำไส้กรอก Home Made สไตล์เยอรมันอีกด้วย โดยในส่วนของไส้กรอกมาจากแนวทาง Zero-Waste การนำวัตถุดิบทุกส่วนไปใช้ในการปรุงอาหาร
ที่ La Vita ยังมีขนมหวานหลากหลายเมนูด้วยนะครับ ซึ่งมีโปรโมชั่นบ่อยๆ ที่เห็นอยู่ในภาพคือ Vegan Mille Feuillet กับผลไม้ที่ เขาหลักไม่ค่อยขายเมนูนี้ ตอนนี้ที่ไปเค้ามีโปรโมชั่น ซื้อเค้กแถมกาแฟ รวมทั้งสองอย่างแค่ 120 บาทเท่านั้น คุ้มมาก
หรือใครที่ทานอาหารมาแล้ว อยากมานั่งเล่นชิลๆเค้าก็มีเซ็ต Afternoon Tea อีกด้วย แต่อยากบอกว่า Afternoon Tea Set นี้ผมได้ฟรี จากการใช้บริการสปาครับ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเปิดใหม่ โปรโมชั่นเยอะแยะไปหมด ทางเจ้าของบอกว่าอยากให้คนไทยได้ใช้บริการก่อน และโปรโมชั่นค่อนข้างคุ้มค่าจริงๆ น่าจะหมดสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
นอกจากในเรื่องอาหาร La Vita Sana ยังมีบริการในเรื่องการดูแลสุขภาพที่ไม่ใช่แค่การนวด แต่คือการรักษาอีกด้วย
มาด้านขวาของโครงการเราก็จะเจอกับ Wellness Center ซึ่งเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพที่มีการจัดโปรแกรมร่วมกับแพทย์แผนไทยและแผนจีน การใช้บริการต่างๆจึงมีคุณหมอช่วยดูแลและให้คำแนะนำอีกด้วย
สถานที่ด้านในสวยงาม ราวกับโรงแรม 5 ดาว แต่เป็นราคาที่คนไทยใช้บริการได้ ตอนนี้มีโปรนวดไทยในราคาแค่ 800 บาท
ภายในมีบริการต่างๆมากมาย นอกเหนือจากการนวดยังมีบริการ การรักษาแบบฝังเข็ม, นวดแบบ After-Sun ที่เหมาะสำหรับชาวเซิร์ฟ, การรักษาอาการ Offic Syndrome, Fire Rebalance และบริการต่างๆอีกมากมาย
ก่อนที่ใช้บริการต่างๆลูกค้าจะได้รับการตรวจเบื้องต้นจากคุณหมอ โดยมีคุณหมอแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีน ที่จะช่วยให้คำแนะนำเรื่องสุขภาพและเลือก Package ที่เหมาะสมให้แก่คนนั้นๆ
และหลังจากที่ได้รับการบริการต่างๆเสร็จแล้ว จะเสิร์ฟชา โดยคุณหมอจะ Customized ชาแต่ละแบบที่เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพของแต่ละคนที่อ้างอิงจากคุณผลตรวจสุขภาพตอนเริ่มต้น ซึ่งผมว่านี่แหละคือความแตกต่างของการเป็น Wellness Center
แต่ที่น่าตื่นเต้นคือที่นี่มีบริการ ออนเซ็นแยกชายหญิง โดยภายในมีบ่อน้ำร้อน บ่อน้ำเย็นและห้องอบไอน้ำอีกด้วย
* สำหรับบริการออนเซ็นอยู่ในระหว่างช่วงการทดลอง อาจมีการเปิดให้ใช้บริการในเดือนธันวาคม
วันนี้ผมไปใช้บริการ มีโปรโมชั่น 1 ฟรี 1 ( เฉพาะเดือนพฤศจิกายน ) ผมเลยเลือกเป็น Package ' Thai Wisdom Combiation ' ราคา 2,900 บาท จ่าย 1 ฟรี 1 ทำให้เหลือเพียงคนละ 1,450 บาทแพคเกจนี้ดีมากๆครับ เพราะจะมีการรักษาอาการเจ็บของเท้าโดยวิธีเหยียบอิฐ, การนวดไทยและการประคบร้อนด้วยสมุนไพร
การทาบอิฐหรือการเหยียบอิฐ เป็นการรักษาอาการรองช้ำ การปวดเท้าแบบแผนไทย โดยเราจะเหยียบลงบนสมุนไพรและมีความร้อนส่งตรงมาจากอิฐ สมุนไพรจะช่วยรักษาอาการ การเจ็บเท้าลดอาการปวดต่างๆ กลิ่นสมุนไพรหอมมากๆ หลังจากนั้นก็เป็นการนวดและการประคบร้อน ทำครบโปรแกรมสบายตัวมากๆครับ
ผมก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าทำไม La Vita กล้าที่จะลงทุนเยอะขนาดนี้ ด้วยการสร้างอาคารที่สวยงาม อาหารที่เรียกได้ว่าช่วยนำเสนอของดีๆบ้านเราได้ดี ช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่การเกษตรและส่งเสริมการท่องเที่ยว
La Vita Sana นอกจากจะเป็นชีวาสุข ผมว่าน่าจะเป็นเหมือน บ้านที่เราอยากเอาไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งมั่นใจได้ว่าเค้าจะรู้สึกประทับใจ และดีใจที่มีโครงการดีๆแบบนี้ในพังงาด้วย
ก่อนกลับผมขอแอบลองอีก 3 เมนู
- หมูฮ้อง เมนูขึ้นชื่อของชาวพังงาภูเก็ต ที่ทานคู่กับข้าวสวยอร่อยมากๆ
- เมนูขนมจีนบ้านๆ ที่มากับผักมากมาย ทานกับแกงที่ใช้เห็ดยามาบูชิตาเกะให้ความรู้สึกสัมผัสเหมือนปู ซึ่งมีคลอเรสเตอรอลน้อยกว่าปู และทานคู่กับเส้นที่ได้สีต่างๆมาจากผักและดอกไม้
- ทาร์ตดอกดาหลา ชื่อภาษาอังกฤษคือ Torch Ginger Flower and Strawberry Frangipane Tart ที่ให้กลิ่นหอมของดอกดาหลา แอบขอแนะนำอีกเมนู Gluten Free Chocolate Tart ดาร์กชอคโกแลต 70% เข้มข้นอร่อยมากๆ
สรุป :
ผมคิดว่าโครงการ La Vita Sana เป็นอะไรที่จะช่วยเสริมให้เขาหลักเป็นเมืองของสุขภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และที่นี่คงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจ เวลามาเที่ยวที่เขาหลัก โดยเฉพาะพาพ่อแม่หรือครอบครัวมาน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดี
และสำหรับเพื่อนๆที่อยู่ที่เขาหลัก หรือมีแผนจะมาท่องเที่ยว ผมอยากขอแนะนำให้ไปใช้บริการภายในเดือนนี้ เพราะยังมีส่วนลดอาหาร 25% และการบริการให้ส่วนของ Wellness มีโปรโมชั่นมากมาย หรือแค่มาเที่ยวดื่มกาแฟก็เกินคุ้มแล้ว สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/lavitasanakhaolak หรือปักหมุดขับรถตามไปเที่ยวได้เลยที่ https://maps.app.goo.gl/4CvcLEzM3tbbj8HX6
La Vita Sana
เปิดบริการ 07.00 - 22.00 น.
โทรสอบถามข้อมูลได้ที่ 076-428588
เวบไซต์ www.lavitasanakhaolak.com