เกาะโคโมโด เมื่อพูดถึงแล้วใครๆก็ต้องคิดถึงเจ้ามังกรโคโมโดนักล่าสุดอันตรายที่หากคุณสัมผัสกับน้ำลายของมันแล้วคุณอาจจะต้องเสียชีวิตภายใน 3 วัน แต่คงมีน้อยคนที่จะรู้ว่าหมู่เกาะโคโมโดคือแหล่งดำน้ำที่สวย น่าผจญภัยและไม่ได้ไปยากอย่างที่คิด ผมจะพาทุกคนขึ้นเขาและลงน้ำ ก่อนอ่านบทความนี้สัญญากับผมก่อนนะ ว่าถ้ามีเสียงอะไรวิ่งมาทางด้านหลัง ตะโกนให้สุดเสียงแล้ววิ่งนะครับ
เกาะโคโมโดตั้งอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ( ซึ่งประกอบด้วยเกาะกว่า 17,508 เกาะ ) เกาะโคโมโดเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในอดีตซึ่งตั้งอยู่คาบเกี่ยวระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก คาบสมุทรอินโดจีนและยังอยู่ใกล้กับทวีปออสเตรเลียอีกด้วย ที่นี่เลยมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศน์อันหลากหลาย
ซึ่งทำให้ที่เกาะมีสัตว์ป่าใกล้สูญพันธ์ถึง 25 ชนิด ใต้น้ำนี่บอกเลยอย่างสวย และที่สาวๆจะต้องชอบเป็นพิเศษคือ เกาะโคโมโดมีหาดทรายสีชมพูซึ่งมีเพียง 7 แห่งบนโลกมนุษย์อีกด้วย
ขอแอบเกริ่นสักนิดเพื่อความอรรถรส ผมมีโอกาสไปดำน้ำกับ Pattana Scuba Club ครับได้ทีมครูเต๊บและเพื่อนๆอีกหลายคนซึ่งสนุกมากๆ หลังจากทราบข่าวว่าจะมีทริปไปเกาะโคโมโด เพราะคิดว่าชาตินี้ถ้าไม่ตัดสินใจไปตอนนั้นทันที ชาตินี้ก็คงไม่ได้ไป ผมเลยตัดสินใจ Booked ทันที
ค่าใช้จ่ายของการไปเกาะ Komodo ทั่งทริปอยู่ที่ 75,000 ++ เรียกได้ว่าเป็นการจ่ายเงินก้อนใหญ่พอสมควรสำหรับที่ที่เคยไปเที่ยวมา แต่ผมใช้การวางแผนล่วงหน้าค่อยๆหยอดกระปุก ขนหน้าแข้งไม่ร่วงเพราะผมตัดสินใจโกนเองไปหมดแล้ว
สำหรับทริปนี้เป็นการดำน้ำ 5 วัน 4 คืน ในแพคเกจทริปมีการแถม Pool Villa ซะด้วย ทำให้บินมาถึงเราได้มีเวลาพักผ่อนหย่อนใจใน Seminyak ได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ( หลายคนเคยเจอมาจากทริปก่อน )
แค่มาวันแรกก็สนุกสนาน ทุกคนสนิทกันเร็วมากๆเหมือนรู้จักกันมานาน พวกเราทั้งไปโต้คลื่น หาอาหารอร่อยทาน ร่วมไปถึงปาร์ตี้กันแบบสุดเหวี่ยง นี่แค่เริ่มนะ
เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนต่างรีบเก็บกระเป๋าเดินทาง ผมรีบแพคอุปกรณ์ดำน้ำและนาฬิกาคู่ใจอย่าง Seiko Prospex Marine Master 1000M เตรียมตัวรีบออกเดินทาง
สำหรับการเดินทางไปที่เกาะโคโมโด เราจำเป็นต้องบินไปต่อครับผม โดยนั่งสายการบินภายในประเทศ Bali - Labuan Bajo ใช้เวลาไม่นานชั่วโมงนิดๆเท่านั้น
และเราก็ว๊าร์ปขึ้นมาอยู่บนเรือ PANUNEE ความน่าปรีดาของเรือลำนี้คือ เจ้าของเป็นคนไทยและทริปนี้ก็มีตัวแทนสุดสวยมาคอยดูแลพวกเราด้วย หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักเรือ Liveabord
เรือ Liveaboard คือเรือที่สามารถกินนอนบนเรือมีอุปกรณ์ต่างๆอำนวยความสะดวกครบถ้วน บนเรือ PANUNEE มีห้องนั่งเล่น ห้องนอนแบบแอร์ ( ห้องดีมาก ) และที่สำคัญบนเรือมีห้องสมุดขนาดย่อยและยังเป็นห้องสำหรับใช้ในการประกอบกล้องหรือใช้เป็นห้องนั่งทำงานได้อีกด้วย น่าแปลกใจที่บนเรือทำอาหารไทยอร่อยมาก และทุกมื้อทานไม่อิ่มบอก ทำใหม่ให้เรื่อยๆ
ด้านหน้าของเรือมี Bean Bag สามารถมานอนอาบแดดได้
นี่ไงครับหมู่เกาะโคโมโด ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเกาะในเอเชีย สีน้ำก็สวยเว่อวังระฆังแตกมาก
และนี่คือเจ้าแม่บนเรือ เค้าบอกกับผมว่า ถ้าเค้าไปที่ไหนก็จะเจอ แมนต้า ( กระเบนราหู ) มาดูกันว่าทริปนี้จะเจอหรือไม่ )
ผมขอเริ่มต้นความสนุกทริปบนเรือด้วยการพาทุกคนไปคารวะเจ้าถิ่นเจ้ามังกรโคโมโด ตอนแรกก็ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่หรอกนะ จนมาอ่านข้อมูลเจอว่า
มังกรโคโมโดคือตะกวดชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตัวโตเต็มที่มีความยาวถึง 3 เมตร มีเรื่องเล่าว่านานมาแล้วเคยมีนักบินเครื่องบินมีปัญหาและต้องจอดฉุกเฉินที่เกาะนี้ ทันทีที่เครื่องแตะพื้นนักบินก็ต้องตกใจกับเจ้ามังกรที่มาล้อมเครื่องบิน ไปหาอ่านต่อนะว่านักบินคนนั้นรอดหรือไม่
แต่สิ่งที่น่ากลัวของเจ้ามังกร คือพิษของมันครับ เพราะน้ำลายของมันมีแบคทีเรียถึง 50 ชนิด เมื่อเหยื่อถูกกัดก็จะตายใน 3-4 วัน น่ากลัวโคตรๆ
เราใช้เรือดิงกี้ลำน้อยๆแล่นออกไป เรือสีไม่เด่นเลย เราคิดว่าเรือสามารถทำให้ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติได้ มังกรต้องไม่เห็นเราแน่ๆ ดูสิ
จะว่าไป เราเหมือนซูชิแซลมอนที่ลำเลียงมาทางสายพานและกำลังจะเซิร์ฟตรงหน้าผู้ที่หิวโซอย่างเจ้านี่
ใกล้พอมั้ย ถ้าไม่พอก็เข้าไปอีก
เจ้ามังกรมันน่ากลัวมากๆครับ ตอนเราพยายามเข้าใกล้ๆมันทำเป็นไม่สนใจ แต่พอถึงระยะที่มันสามารถล่าได้ มันตะกุยมาด้วยความเร็วสูงเลยครับ รีบสตาร์ทเรือหนีสิครับจะรออะไร
ดูบนบกกันแล้ว ได้เวลาลองไปดูใต้น้ำกันบ้างครับ
สิ่งที่น่าประทับใจของทริปนี้คือทีมงานบนเรือ Panunee ค่านข้างเป๊ะมีประสบการณ์มากๆ ก่อนที่จะลงแต่ละ Divesite มีการอธิบายแผนที่ชัดเจน มี Reference สัตว์น้ำต่างๆที่จะเจอ และก็มีการบรีฟเรื่องความปลอดภัยละเอียดมาก ที่นี่นำ้เย็นพอสมควรเลยนะครับ บางจุดหนาวถึง 20 องศาทำให้ต้องสวมใส่ Wetsuit หนานิดนึง
ลงไป Divesite แรกก็ต้องตื่นเต้นล่ะครับ เพราะปะการังสมบูรณ์มากๆ เยอะจนตายลายเลยหล่ะ
นี่คือบัดดี้ของผมประจำทริปนี้ครับ
ที่นี่มีการจำกัดนักท่องเที่ยว นักดำน้ำ และด้วยราคาค่าอุทยานก็ช่วยกรองคนพอสมควร ทำให้การดำน้ำแต่ละครั้ง แทบไม่เจอกลุ่มอื่นๆเลย จากการดำน้ำก็ไม่ค่อยเจอปะากรังที่ไม่ค่อยแตกหัก แค่ลงมาไดพ์แรกก็รู้สึกว่าการตัดสินใจมา เกาะโคโมโดครั้งนี้คุ้มค่ามากๆ
ทุกๆไดพ์ก็จะเจอเต่าเป็นเรื่องปกติครับ มีค่อนข้างเยอะมากเลยทีเดียว
ฉลามก็เจอได้ทั่วไป ฉลามไม่ได้ทำร้ายคนเน้อ ถ้าเราไม่ไปทำร้ายมันก่อน
Divesite ที่ผมชอบที่สุดมีชื่อว่า Batu Bolong เป็นลักษณะเกาะเล็กๆ บนเกาะมีหินเป็นรู เมื่อดำน้ำลงมาก็จะเจอกับเกาะที่เต็มไปด้วยปลาเล็กปลาน้อย ด้วยที่บริเวณจุดนี้ไม่ได้ลึกมาก ทำให้สีสีนของดอกไม้ทะเลและปะการังชัดเจน โดยเฉพาะเจ้าปลาสีแดงนับหมื่นตัว ที่ว่ายเต็มไปหมด ทำให้จุดนี้เป็นจุดที่ใครๆก็ประทับใจ และยกให้เป็น World Class Dive Site กันเลย
Divesite ที่ผมประทับใจรองลงมาคือ Manta Alley เป็นจุดที่สามารถเจอ Manta ( กระเบนราหู ) ได้ง่ายๆ
เจอหรือไม่เจอลองเลื่อนลงมาดูได้เลยครับ
หลังจากที่ลงมาในน้ำแล้วนั้น ทริปลีดเดอร์ให้เราทุกคนรวมกันที่ลานกว้างๆที่ล้อมด้วยแนวปะการังคล้ายวงกลม เป็นเหมือนเวทีเลยหล่ะ ทุกคนทำตัวให้นิ่งและสงบมากที่สุด หลังจากรอไม่นานก็มี Manta โผล่มาทีละตัวเหมือน ได้ทำการนัดแนะเริ่มการแสดง
ต้องบอกว่าหายใจและใช้พลังงานไปเยอะมากๆ เพราะแมนต้าไม่ได้มีแค่ 1 หรือ 2 หรือ 3 ตัว แต่มาเป็นสิบตัวเลยและที่สำคัญว่ายเข้ามาใกล้เรามากๆ
และนี่คือครั้งแรกที่ผมได้เห็นแมนต้าพาเหรดด้วยตาตัวเอง เป็นการดำน้ำที่เพลินมากๆเหมือนได้ดูโชวเลยทีเดียว
นับได้ไดพ์ไซต์นั้นน่าจะมีแมนต้าประมาณ 20 ตัว
นีโม่ก็มีเยอะมากๆเลยครับ
ส่วนปลาอื่นๆก็มีอีกเพียบเลย ไม่รู้สึกเสียดายเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายมาเลยสักนิด สำหรับคนที่หลงรักโลกใต้ทะเล ที่โคโมโด เป็นที่หนึ่งเลยที่สักครั้งในชีวิตควรจะมาดำน้ำ ควรมาเห็นด้วยตาตัวเอง
นี่คือเจ้า Pygmy Seahorse ( ม้านำ้แคระ ) ที่เค้าบอกกันว่าหายาก ไม่เคยเจอเหมือนกัน ความพิเศษของมันคือจะปรับหัวเองให้เหมือนกับกัลปังหา ถ้าไม่มีคนชี้ก็คงไม่น่าสังเกตุเห็นเหมือนกัน
Shotgun เมื่อตัวฉันกลายเป็นกระสุนปืน
อีกจุดที่เป็น Hightlight ที่สนุกและมันส์มากเหมือนการได้ไปสวนสนุกก็คือ Divesite Shotgun ( ปืนลูกซอง ) ไดพ์ไซต์นี้จะระทึกนิดหน่อย อย่างที่ทุกคนเห็นในภาพจะเป็นช่องระหว่างเกาะสองเกาะ เรือจะพาเราไปอีกฟากนึง หลังจากที่เรา Backroll ลงจากเรือต้องตั้งสติดีๆ กระแสน้ำจะพาตัวเราลอยตามกระแสน้ำเหมือนกับเป็นลูกกระสุนที่ถูกยิงออกไป บางกลุ่มก็จับมือกันและลอยกันไปเป็นแกงค์ บางคนก็ไปเป็นคู่ ซึ่งตลอดทางก็เห็นฝูงปลาหลายชนิด รวมถึงฉลามด้วย ก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ตื่นเต้นดี เหมือนอยู่ในอควาเลียมที่มีบันไดเลื่อนพาเราไปชมที่ต่างๆ
การดำน้ำตลอด 4 วันบนเรือ คือคุ้มสนุกและเปิดประสบการณ์มากๆเลยครับ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ทริปนี้สมบูรณ์คือพนักงานบนเรือดูแลดีมากๆ
ขึ้นไปถึงเรือปั๊ปมีคนช่วยถอดฟิน เสื้อผ้าเวทสูทกองไว้ และมีนำ้ชาร้อนๆมาบริการ ขึ้นมาหนาวๆจิบชาร้อนๆนี่ฟินมากบอกเลยครับผม
ในก๊วนทริปโคโมโดครั้งนี้มีเพื่อนร่วมทริปเป็นคุณหมอคนนึงด้วย ซึ่งจะมีอะไรแปลกๆให้ประหลาดใจเสมอๆ เช่นการดำน้ำโดยการใส่ถุงเท้าลายอโวคาโด้ : )
การมาทริปดำน้ำโคโมโด ต้องบอกว่าไม่น่าเบื่อเลยสักวันครับ เพราะหลังจากการดำน้ำก็จะมีกิจกรรมให้ทำเสมอๆ สำหรับวันนี้เป็นการขึ้นไปดูจุดชมวิวบนเกาะครับ สาวๆทุกคนต่างรีบขึ้นจากน้ำไปแต่งหน้าจัดเต็มก่อนที่จะขึ้นไปบนเกาะกัน
เกาะโคโมโดช่วงที่เราไปภูเขาเป็นสีทองเลยเพราะหญ้าที่แห้งมากๆ เราต้องเดินเท้ากันขึ้นไป สูงเหมือนกันนะ
บางคนเริ่มร้อน เหงือเริ่มออก ก็ถอดครับ ชอบก๊วนนี้มาก สาวๆแต่ละคนสนุกสนานและถึกกันได้ใจจริงๆ
ครูเต๊บกับครูอิ๊บก็มีโหมดหวานสวีท รูปนี้มีชื่อว่า " ช้างเท้าหน้า "
ระหว่างทางก็เก็บภาพกันสักนิดกับเสื้อเท่ๆโดย Pattana Scuba Club
และแล้วเราก็มาถึงจุดชมวิว สูงมากและสวยมากๆเช่นกัน ถ่ายรูปกันจนเพลินเลย
และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของทริป Komodo ที่ผมย่อให้กระชับ ให้เพื่อนๆไม่เบื่อกันนะครับ ( ขอยก Pink Sand Beach ไว้คอนเทนต์หน้านะ )
บางช่วงเวลาที่ผมดำน้ำอยู่ที่เกาะโคโมโด เอาจริงๆก็ไม่อยากเชื่อเลยว่า จะได้มาทริปนี้ มันสวยและคุ้มค่ามากๆ หากวันที่เพื่อนชวนแล้วเราปฏิเสธ หากอดมาทริปนี้คงจะเสียใจและโทษตัวเองมากแน่ๆ
ผมเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีอะไรที่สวยงามอีกมากมายที่รอให้เราไปค้นหา ซึ่งการที่จะได้ออกไปเจออะไรใหม่หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเราเองนี่แหละครับ เพราะฉะนั้นหากเรายังมีเวลา มีโอกาสอยู่ อย่าลืมตั้งเป้าหมาย ออกไปค้นพบ ไปผจญภัย ไป Discover Your Planet กันบ้างนะครับ
และอย่าลืมติดตามว่าทริปหน้าว่าผมจะพาคุณไปเที่ยวที่ไหน