มีแต่คนถามว่าเบื่อทะเลมั้ย ตอบเลยว่าไม่ แต่จริงๆแล้วคนชอบทะเลแบบผมและติ๋ว เราก็แอบชอบ " เขา " เหมือนกันนะ คิดถึงเขาเราก็ต้องคิดถึงภาคเหนือ ผมและติ๋วไม่ได้ไปเที่ยวเหนือกันนานมากๆ เลยมาตัดสินใจเลือกว่าไปไหนดี สุดท้ายคือจบที่ " เชียงราย " เพราะในชีวิตผมยังไม่เคยไปเชียงรายเลย ส่วนติ๋วก็บอกว่าไม่ได้มาเชียงรายนานแล้ว และเชียงรายก็แอบซุกซ่อนความสุขในความทรงจำดีๆมากมาย
มาตามดู Beach Boy ทั้งสองคนเที่ยวเชียงรายกันครับ
ทริปนี้เราเลือกเดินทางด้วยสายการบิน Thai Smile ที่มีบริการเส้นทางกรุงเทพ - เชียงราย วันละ 4 ไฟล์ทเลยทีเดียว เราเลือกเดินทางเป็น Flight WE130 เดินทางเวลา 08:30 ถึงสนามบิน 10:05 กำลังดีมีเวลาเหลือเฟือสามารถไปเที่ยวต่อได้เลยสบายๆ
ผมชอบบินกับ Thai Smile เพราะจ่ายครั้งเดียวจบ ราคาที่เห็นรวมค่าโหลดกระเป๋า ( 20 กิโล ) บริการอาหารว่างๆและเครื่องดื่ม บริการเลือกที่นั่งฟรี ที่สำคัญคือแอร์น่ารักทุกคน ( มีใครแย้งมั้ย )
ปกติแล้วเวลาเดินทางผมเลือกจองกับ Traveloka เพราะสามารถเลือกหาไฟล์และราคาที่ต้องการได้ง่าย ที่สำคัญคือ จองกับ Traveloka ได้ราคาที่ถูกที่สุด และยังมีโปรโมชั่นอัพเดตอยู่เรื่อยๆ ใครที่เป็นขาเที่ยวก็ลองไปติดตามกันที่นี่นะครับ www.traveloka.com/th-th/flight/airline/thai-smile
ทริปนี้ถือเป็นการกลับไปเที่ยวเชียงรายครั้งที่สามของติ๋ว แต่ตายจริงไม่กล้าบอกคนอื่นๆเลยว่านี่คือครั้งแรกของผม เราเตรียม Playlist เพลงที่ชอบมาเพียบ และก็แอบเพิ่มความสนุกโดยการตั้งใจเอากล้องฟิล์มไปบันทึกภาพสวยๆด้วย
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสายการบิน Thai Smile จ่ายเพิ่มอีกนิดเราสามารถอัพเกรดเป็นที่นั่ง Smile Plus ได้ โดยจะได้รับสิทธิพิเศษมากมายเช่น เพิ่มน้ำหนักกระเป๋า, ช่องเช็คอินพิเศษ, บริการห้องรับรอง, ขึ้นเครื่องก่อน, รับกระเป๋าก่อน บนเครื่องมี Welcome Drink และมีอาหารเสิร์ฟด้วยนะครับ และที่แต่างต่างมากที่สุดคือที่นั่ง ที่จะเว้นตรงกลางไว้ให้เรานั่งสบายมากยิ่งขึ้น ( ในภาพเราขยับไปนั่งคุยวางแผนเรื่องทริปกัน )
คุยเพลินเดินทางไม่นานก็ถึงสนามบินเชียงรายแล้วครับ รอรับกระเป๋าแป๊ปเดียว เดินออกมาก็มีพี่มาถือป้ายรอรับ อันนี้หลายคนยังไม่รู้แน่ๆเลยว่า Traveloka มีบริการใหม่ นอกจากจองตั๋วเครื่องบินถูกแล้ว เรายังสามารถจองรถรับส่งสนามบิน โรงแรมได้ด้วยซึ่งราคาถูกกว่าไปเดินหาหรือเรียกแท็กซี่มากๆ
ยกตัวอย่างเช่น
รับสนามบินไปส่งวัดร่องขุ่น นั่งได้ 3 คน ราคา 525 บาท, รถตู้ นั่งได้ 10 คนราคาแค่ 650 บาท ประหยัดเงินได้เยอะเลย เดินทางครั้งหน้านอกจากจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก เพื่อนๆยังสามารถไปจองรถได้ที่ www.traveloka.com/th-th/airport-transfer นะครับ
คืนนี้เรานอนกันที่โรงแรม ภูฟ้าวารี แต่ว่าเราขอดรอปกระเป๋าและไปเริ่มทริปเที่ยวเชียงรายกันเลยดีกว่า
นึกถึงเชียงราย นอกจากจะคิดถึงภูเขา คิดถึงอากาศดีๆและ อีกสถานที่สุดฮิตที่ผมอยากมามากๆ อยากมาเที่ยวตั้งนานแล้วก็คือ วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่นอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าออกแบบและก่อสร้างโดยศิลปินอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ โดยอาจารย์ได้นำศิลปะมาผสมผสานและออกแบบให้วัดดูสวยงามราวกับสวรรค์
ซึ่งภายในวัดร่องขุนมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากๆครับ ทั้งโบสถ์และอาคารหลายหลังเป็นสีขาว สวยงามมากๆ ก่อนมาคิดว่าที่นี่บริเวณไม่ได้ใหญ่มากๆ แต่พอมาถึงจริงๆมีอาคารเยอะกว่าที่คิด มีมุมจำลองและแสดงศิลปะมากเลย ที่สำคัญ ถ่ายรูปสวยมากๆ ที่นี่คนไทยเข้าฟรีนะครับ
และบริเวณที่ฮิตที่สุดและเป็นเหมือนมุมถ่ายรูปมหาชนก็คือ สะพานข้ามนรกที่ก้าวสู่สวรรค์ ( โบสถ์ ) ใครที่จะขึ้นสะพานและถ่ายรูปให้เล็งจังหว่ะดีๆ เพราะว่า ไม่สามารถถอยหลังกลับมาได้ เค้าว่ากันว่าเป็นการถอยลงสู่นรก "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ " แต่ถ้าถอยมากเซลฟี่นานไปคนอื่นจะรอนานนะครับ : )
หลังจากเที่ยววัดถ่ายรูปกันเพลินจนตัวเปียก ก็ขอเอาตัวมาแช่น้ำ พักผ่อนที่โรงแรมภูฟ้าวารี โรงแรมตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆมหาลัยแม่ฟ้าหลวง มีของกินเยอะมากตอนกลางคืนก็คึกครื้นดีครับ แต่ว่าวันนี้ไปพักผ่อนและรีบนอนดีกว่า เพราะพรุ่งนี้เราจะตื่นเช้าไปเก็บชากัน
หน้าโรงแรมภูฟ้าวารี มีคาเฟ่น่ารักๆ ชื่อว่า " Tid Doy Tid Din " ติดดอยติดดิน กาแฟอร่อย ร้านตกแต่งสวยมากๆ ใครผ่านบริเวณนี้อยากให้ลองแวะดู อาหารก็อร่อยดีครับ
เมื่อวานตอนมาถึงเชียงราย ลองถามเพื่อนๆบน IG Story ว่ามาเชียงราย ต้องห้ามพลาดที่ไหนบ้าง ทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวว่า ไร่ชาฉุยฟง บอกตรงๆนี่ก็แอบคิดกันว่าเห้ยยไร่ชาจะมีอะไรน่าสนใจ แม้ตัวเองจะเป็นคนชอบดื่มชามากๆ แต่ไม่คิดว่าของจริงจะดีขนาดนี้
ไร่ชาฉุยฟงตั้งอยู่ในอำเภอแม่จันครับ อ่านข้อมูลเจอมาว่าไร่ชาฉุยฟงเป็นผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงราย เค้าว่ากันว่าเครื่องดื่มชาดังๆในไทยหลายแบรนด์ใช้วัตถุดิบจากที่นี่นี่แหละ โดยไร่ชาฉุยฟงมีพื้นที่กว่า 500 ไร่และตั้งอยู่บนภูเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1200 เมตร จึงทำให้ปกคลุมด้วยหมอก อากาศดีตลอดทั้งปี ซึ่งเอื้ออำนวยให้ปลูกชาดีนั่นเอง
คือมาถึงก็อึ้งสถานที่ใหญ่โตและนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ ต้องบอกว่านักท่องเที่ยวเยอะแต่มีระบบการจัดการที่ดี มีลานจอดรถ มีการจัดสรรที่ดีเลย ทุกอย่างสะดวกสบาย สามารถพาครอบครัวมาได้ ต้องปลื้ม
ที่ว้าวที่สุดคงจะเป็นอาคารใหม่ที่ดูทันสมัยมากๆ แอบไปหาข้อมูลมาว่าที่นี่ออกแบบโดย Idin Architects ซึ่งมีผลงานออกแบบอาคารสวยๆมากมายเลย ซึ่งภายในอาคารมีร้านจำหน่ายชา มีร้านคาเฟ่สวยมากๆ สามารถนั่งจิบเครื่องดื่มขนม ดูวิวสีเขียวสดจากไร่ชาฉุยฟงได้แบบเต็มๆตา
ที่นี่มีบริการให้เช่าชุดและเช่าตะกร้าเก็บชาด้วยนะครับ ใครอยากได้ภาพเกร๋ก็ไปเช่าได้เลย ราคาเช่าพรอพถูกมากๆ จากเป็นกิจกรรมที่ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะสนุกมาก แต่บอกเลยว่ามาแล้วดีมากๆ
จริงๆแล้วคาเฟ่ที่เราอยู่นี้คือคาเฟ่ Tea Café 2 เป็นอาคารหลังใหม่ ที่สร้างเอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่มากยิ่งขึ้น มองไปด้่านขวาก็จะเห็นอาคารอีกหลัง ซึ่งก็คือ Tea Café 1 นั่นเอง
มาถึงไร่ชาที่มีคาเฟ่สวยขนาดนี้ จะไม่ลองชิม ลองดื่ม ลองทานก็เหมือนมาไม่ถึง ผมก็เลยลองสั่ง ชาเขียวเย็นและหมั่นโถวชาเขียวมาลองสักหน่อย ขอบอกว่าอร่อยมากๆ อร่อย หอมกลิ่นชาเขียวจริงๆ
นอกจากจากที่ผมถ่ายรูปมาแล้วขอแนะนำให้ลอง Green Tea Roll โรลชาเขียวที่เนื้อแป้งนุ่ม กัดคำเดียวชาเขียวก็เตะจมูก จนไม่อาจหยุดคำที่สองสามสี่ได้ แนะนำว่าทานคนเดียว เพราะถ้าสั่งชิ้นเดียวกินกันหลายคนยังไงก็ต้องเดินไปซื้อเพิ่มอยู่ดี นอกเหนือจากนี้ยังมีเมนูเด็ดอย่าง Choui fong cheesecake และ Banoffee อีกด้วย
ใครที่หิวก็มีเมนูอาหารด้วยนะครับ
สำหรับภายในอาคารยังมีร้านค้าจำหน่ายชาและของที่ระลึกด้วย สำคัญใครที่ลังเลว่าจะซื้อชาไปฝากเพื่อนที่ทำงาน ซื้อชาตัวไหนดีน้าาา ไม่ต้องกลัวว่าจะเลือกไม่ถูกเพราะที่นี่มีบริการให้ชิมชาด้วย ผมได้ลองชิมชาอู่หลงสายพันธุ์เบอร์17, อู่หลงสายพันธุ์เบอร์12, และชาอู่หลงหมื่นลี้ ส่วนตัวชอบชาอู่หลงหมื่นลี้มากที่สุดเลยกลิ่นหอมมาก หอมไปไกล หอมไปเป็นหมื่นลี้เลยครับ
ไร่ชาฉุยฟง เปิดบริการตั้งแต่เวลา 8.30-17.30 แนะนำให้มาเช้าและมาถึงเวลาเปิดพอดี คนยังน้อย ถ่ายรูปได้เต็มๆและเลือกโต๊ะที่วิวดีได้ก่อนใคร
คืนนี้เราย้ายมานอนกันที่นี่ Phu Chai Sai Mountain Resort เห็นรีวิวของเพื่อนๆที่เคยมาแล้วก็อยากตามมา เป็นรีสอร์ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาจริงๆ วิวสวยมากๆ ชอบที่สุดคือสระว่ายน้ำที่แช่ตัวและยังได้ดูวิวภูเขาแบบเต็มๆ ชอบมาเที่ยวเหนือก็เพราะบรรยากาศที่เย็นสบาย ทำให้เราอยู่ได้ทั้งวันจริงๆ
วันรุ่งขึ้นเราตื่นเช้ามากๆ เพื่อเดินทางไปเที่ยวภูชี้ดาวครับผม
ภูชี้ดาวตั้งอยู่ในอำเภอเวียงแก่นครับ ซึ่งตอนแรกที่หาข้อมูล Search เจอทั้งภูชี้ดาว ภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้ง สุดท้ายดูจากรูปและอ่านจากรีวิวต่างๆก็ตัดสินใจมาเที่ยวที่ภูชี้ดาวครับ ด้วยความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1800 เมตร ( สูงกว่าภูชี้ฟ้า ) ซึ่งจุดเด่นของภูชี้ดาวคือ เส้นทางเดินไปสู่ยอดเขา ที่เป็นเหมือนทางเดินไปยังท้องฟ้า ซึ่งในภาพที่อ่านจากรีวิวเพื่อนๆ สวยมากเลยครับ จริงหรือหลอกต้องไปดูด้วยตาตัวเอง
เราตื่นกันเช้ามากๆเพราะอยากมาสัมผัสวิวสายหมอกและแสงอาทิตย์เป็นคนแรกๆ
การเดินทางขึ้นไปภูชี้ดาวเราจำเป็นต้องใช้บริการรถ 4X4 ของชาวบ้านเท่านั้นนะครับ เนื่องจากทางขึ้นค่อนข้างชันหากไม่ชำนาญอาจะเกิดอันตรายได้ หากมากันหลายคนเราสามารถเหมารถได้ในราคา 500 บาทหรือจะคิดเป็นหัวจะต้องรอ ราคาประมาณคนละ 70 บาทครับ
ตื่นเต้นตั้งแต่การนั่งรถขึ้นไปเพราะทางชันใช้ได้เลย แต่ตอนขึ้นก็เพลิดเพลินไปกับวิวของต้นไม้ ตัดกับวิวของหมอกเป็นระยะๆ ระหว่างทางก็ต้องค่อนจับราวเหล็กให้ดีๆ ไม่ฉะนั้นตัวอาจจะไหลไปกองกัน
* สำหรับใครที่พกกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ มือถือแนะนำให้เก็บใส่กระเป๋าเป้หรือถือไว้ให้ดีๆ อย่าไว้กระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าด้านหลัง พี่คนขับบอกว่า ตกมาเยอะแล้ว
หลังจากเพิ่มความตื่นเต้นให้สัมผัสถึงกิจกรรม Adventure กันเล็กน้อยๆ พี่คนขับก็พาเรามายังทางขึ้น ขอทำเท่ผิงไฟคุยกับชาวบ้านสักนิด พักหายจสักหน่อย เพราะเราต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 300 เมตร ใช้เวลา 20 - 30 นาที
สำหรับคนที่ไม่ออกกำลังกายแนะนำว่ายืดเส้นยืดสายให้ดี เพราะทางค่อนข้างชัน ขนาดผมยังแอบปวดน่องเลย แต่พอมาถึงข้างบนก็ต้องบอกว่าคุ้มค่าจริงๆ
วิวที่นี่สวยมากๆเลยครับ คือ ถ้าเห็นด้วยตาด้วยเองบางช่วงที่ลมแรงเราจะเห็นหมอกพัดผ่านตัวเราไปเลย
และโชคดีที่เรามาตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น ทำให้เป็นแสงสีชมพูสลับกับสีส้มสวยงาม
อากาศคือเย็นสบายๆมากๆ เอาจริงๆจะว่าไปแล้ว ถ้ามาเที่ยวเชียงรายแล้วไม่ได้ขึ้นมาสัมผัสทะเลหมอก ไม่ได้ขึ้นมาดูแบบนี้คงน่าเสียดาย ผมรู้สึกว่าถึงตอนนี้การตัดสินใจมาเที่ยวเชียงรายก็คุ้มค่ามากๆแล้วครับ
ทั้งผมและติ๋วเพลิดและเพลินไปกับการถ่ายรูป ตื่นเต้นกับวิวแบบนี้มากเลยทีเดียว ก็เด็กทะเลมาเที่ยวภูเขานี่หน่า อยากอยู่ตรงนี้ไปนานๆ
ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสมาเที่ยวเชียงรายห้ามพลาดเลยนะครับผม
ขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกหน่อย
คืนนั้นเราย้ายกันไปพักอีกที่นึงครับ ไร่แสงอรุณ ซึ่งโรงแรมบรรยากาศชิลมากๆ ฝั่งนึงอยู่ติดแม่น้ำโขง ที่นี่ปลูกผักไว้มาทำอาหารเยอะมากๆ และที่สำคัญที่วิวสวยสุดๆเพราะที่นี่ยังเป็นทุ่งนาจริงๆอีกด้วย มาเชียงรายทั้งทีต้องมาพักอะไรแบบนี้ ใครอยากจะพักที่ไหนอย่าลืมลองไป Search หาราคาดีที่สุดที่ App Traveloka นะครับ
เมื่อคืนนอนหลับสบายมากๆ แอบเศร้านิดๆเพราะว่าวันนี้จะต้องบินกลับกันแล้ว แต่เราเลือกบินกับ Thai Smile ไฟล์ทเวลาดีมากๆคือสามทุ่มนิดๆ เลยทำให้เราใช้เวลาไปเที่ยวก่อน ไปทำกิจกรรม ทานอาหารอร่อยๆแล้วค่อยบินกลับ คุ้มค่าทุกนาที
ก่อนกลับเราขอแวะมาเที่ยว " สวรรค์บนดิน " สถานที่สุดฮิปที่ผมเคยเห็นมาเล็กน้อยแต่ของจริงๆเจ๋งมากๆ ที่นี่เป็นเหมือนที่ที่รวมตัวของคนชอบศิลปะ
สวรรค์บนดินเป็นโครงการของอาจารย์โต ที่ตั้งใจทำเป็นคาเฟ่ ที่เน้นชาและวัตถุดิบท้องถิ่น ที่นี่มี Workshop ให้เข้าร่วมมากมายและยังเป็นโฮมสเตย์อีกด้วยครับ
คาเฟ่น่ารักมาๆ ด้านบนเป็นห้องสมุดเล็กๆ ตัวคาเฟ่โปร่ง แสงเข้าถึงกำลังดี สามารถนั่งสบายๆอ่านหนังสือได้ทั้งวัน ที่นี่มีเครื่องดื่มเพียบเลย หลักๆเป็นเมนูของชาที่ปลูกในเชียงราย และขนมต่างๆก็เน้นไปทางออแกร์นิกน่าทานมาก
แต่เป้าหมายของเราไม่ใช่การมาชิมชา ชิมกาแฟอย่างเดียวเท่านั้นครับ เพราะเป้าหมายหลักของเราก็คือการมาเรียนปั้น วิชาการปั้น 101 ซึ่งผมและติ๋วไม่เคยมีประสบการณ์ปั้นอะไรมาก่อนเลย นอกจากปั้นน้ำเป็นตัว
นี่คือครูโต ผู้ที่สอนให้เรารู้จักประเภทต่างๆของดินในไทย ความแตกต่างการใช้ดิน และเราเริ่มใช้กำลังด้วยการนวดดินให้เข้ากันครับ กิจกรรมแรกก็สนุกกันมากอย่างไม่น่าเชื่อ เราได้เห็นศาสตร์และศิลป์ของการปั้นการนวดด้วยเทคนิค แม้เราจะทำออกมาอย่างทุลักทุเล แต่ครูโตก็ให้กำลังใจและสอนอย่างเป็นกันเองมากๆ
และสุดท้ายเราก็ได้ทดลองปั้นถ้วยดูครับ เอาจริงๆ อยากเรียนรู้ให้มากกว่านี้เพราะมันสนุกมากและทำให้เราเข้าถึงสิ่งที่ครูสอนมากขึ้น แต่ละขั้นตอนของการทำมีเทคนิคที่น่าสนใจ เอาง่ายๆไม่พูดเยอะว่าหากผมมีเวลาว่างๆจะต้องกลับมาซ้ำที่นี่ให้ได้ หลังจากที่เราปั้นเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณครูและอบให้และส่งผลงานของเรามาให้ที่บ้านด้วยนะครับ อย่างเจ๋ง
ข้อมูลเพิ่มเติมของสวรรค์บนดิน www.facebook.com/SawanbondinFarm ใครไปแล้วฝากสวัสดีและเล่นกับแมวตัวสีขาวที่ชื่อ "เจ้าขาว" ด้วยนะครับ ฝากบอกด้วยว่าเราจะไปอีก
เค้าว่า " ความสุขมักผ่านไปรวดเร็วเสมอ " ช่วงเวลา 4 วัน 3 คืนที่เราได้เที่ยวด้วยกัน ได้เที่ยวที่ใหม่ ได้ลองทำอะไรหลายๆอย่างเลย ความสุขมันสั้นแต่ก็ทำให้เราคิดถึงและกลับมาซ้ำใช่มั้ยหล่ะ
เราจะ.. เอากล้องฟิล์มมาถ่ายที่วัดร่องขุนใหม่ ( ถ่ายยังไงให้ฟิล์มหมด )
เราจะ.. คิดถึง ชาเขียว สุดหอมละมุนที่ไร่ชาลุย
เราจะ.. นึกถึงเสียงเพลงและความเย็นที่สวยงามบนภูชี้ดาว
เราจะ.. กลับไปปั้นจานใหม่ ที่สวรรค์บนดิน
ขอบคุณ Traveloka และ ThaiSmile ที่พาผมมาเที่ยวเชียงราย มาครั้งแรกที่ติดใจขนาดนี้ สงสัยต้องแอบวางแผนมาเที่ยวใหม่อีกครั้งรอบล่ะ ว่าแล้วก็เข้าไปกดหาตั๋วที่ www.traveloka.com ดีกว่า
ไว้เจอกันนะครับ