ในที่สุดก็ได้กลับมาญี่ปุ่นแล้วคิดถึงมาก หลังจากทางญี่ปุ่นประกาศให้คนไทยสามารถท่องเที่ยวได้โดยไม่จำเป็นต้องทำวีซ่า ทำให้ผมเลือกมาในไฟล์ตแรกกับสายการบินแอร์เอเชีย ที่บินตรงดอนเมือง-ฟุกุโอกะ โดยบินจากไทยเวลา 01.20 และถึงที่นี่เวลา 08.50 น.มาถึงก็ลากกระเป๋าไปฝากโรงแรมแล้วไปเที่ยวต่อเลย
สำหรับการผ่าน Immigration ใช้เวลาประมาณ 40 - 50 นาที คนเยอะนิดนึง มีเน็ตให้ไม่ต้องกลัว ทำตามขั้นตอนผ่านฉลุย ( ปวดฉี่ให้ไปฉี่ )
การเข้าเมือง HAKATA ง่ายมาก จะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินหรือจะไปด้วยรถบัตรก็ได้ แนะนำให้ซื้อบัตรต่างๆที่สนามบินให้เรียบร้อย หรือใครจะไปที่ท่องเที่ยวอื่นๆก็มีรสบัสไปตามรอบเวลา ไม่ยากครับ ไม่ต้องกังวล
บินมาฟุกุโอกะกับแอร์เอเชียมาเป็นยังไงบ้าง
ด้วยที่ไฟล์ตนี้บินด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ 321 neo จำนวน 236 ที่นั่ง ที่กว้างกว่าลำที่เรานั่งกันปกติในเส้นทาง Domestic พื้นที่มากขึ้นนิดนึง เอนได้มากขึ้นนิดหน่อย ผมจองริมหน้าต่างเพราะว่านอนพักหัวได้สบายที่สุด * แนะนำพกที่รองคอสักหน่อยจะดีมาก ** ใครที่นอนลำบากแนะนำกดสูตรเบียร์ 3 กระป๋องก่อนขึ้นเครื่องหลับไม่รู้ตัวเลยจริงๆ
ทริปนี้ผมตัดสินใจพักทั้งหมด 3 โรงแรม ทั้งหมดรวมเป็น 7 คืน
1 ) THE LIVELY FUKUOKA HAKATA
รีวิวสั้น เลือกเพราะโรงแรมเป็น Design Hotel ออกแบบสวยมากๆ ห้องไม่เล็กไม่ใหญ่หากเทียบกับที่อื่นๆ ลอบบี้สวย มี Co-working space คนทำงานเพียบเลย และที่ชอบมากที่สุดคือ มีเบียร์ฟรีทุก 17.30 - 18.30 คนที่เข้าพักอยู่กินกี่แก้วก็ได้ไม่อั้นโรงแรมอยู่ในย่าน NAKASU เป็นย่านคนกลางคืนเลยมีที่กิน ดื่มเยอะมากๆ อยู่ใกล้สถานีรถไฟ NAKASU เดินทางไปไหนมาไหนสะดวกทำเลดีมากๆ
2 ) NINE HOUR NAKASUKAWABATA STATION
- ไปพักมาแล้ว ราคาคือแบบ 800-900 บาทต่อคืน ที่ไปพักเพราะคืนวันเสาร์โรงแรมราคาแพงไม่ไหวเลยเลือกไปพักที่นี่ดีกว่า โซนห้องพักแยกชายหญิง อยู่ในห้าง Riverrain Center ( เป็นที่ตั้งอันปังแมน ) และอยู่ตรงสถานที Nakasukawabata พอดี โลเคชั่นดีมาก ปลอดภัย ถ้าผู้หญิงคนเดียวพักจะดีมาก
ข้อดี ที่พักสะอาดมาก ทันสมัย ใช้ QR เปิดตูเและประตูต่างๆ มีชุดนอน กระเป๋าและแปรงฟันยาสีฟันให้
ข้อเสีย ห้องผู้ชายคนน้อยแต่ดันมีคนเมามาคนนึงแอบเสียงดัง แก้ผ้าเดิน ละเมอเสียงดัง * แต่เค้ามีที่อุดหูให้
3) CROSS LIFE HAKATA TENJIN
- ไปพักมาแล้ว ดีใจมาก จองได้ในราคา 2,000 บาท โรงแรมอลังและพึ่งเปิดเมื่อต้นตุลาคมที่ผ่านมา โรงแรมอยู่ห่างจากห้าง Tenjin ประมาณ 1.3 กิโล ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที ห้องสวยดีกว้าง และมี Public Bath แยกชายหญิง ที่บ่อเป็นจอ LED ขนาดใหญ่ สวยเจ๋งดี
---------------------------------------------------------------------------
มาถึง FUKUOKA ต้องทานราเมง
มาถึง HAKATA สิ่งแรกที่ควรทำมากที่สุดหลังจากเก็บข้าวของ คือการเติมเต็มความสุขของการกินครับผม มาถึง HAKATA แหล่งต้นตำรับของราเมน ก็เลยไม่พลาดที่จะเปิดมื้อแรกแบบสวยๆ ด้วย ICHIRAN RAMEN ราเมงข้อสอบที่โด่งดังในไทย มาที่นี่เลยควรมากินต้นตำรับครับ
บอกเลยว่าอร่อยคุ้มมากๆ ผมจัดเซ็ตใหญ่ชุดแนะนำเลยอิ่มจุก ใครที่กลัวว่าจะสั่งไม่เป็นแนะนำอ่านที่นี่เลยนะครับ https://chillchilljapan.com/ichiran-ramen-and-how-to-order/
ผมได้เลือกอยู่ที่ NAKASU 3 วัน ชอบโซนนี้ตรงที่ตอนกลางวันคนไม่พลุกพล่านเลย แต่ตอนกลางคืนเนี่ยบอกเลยว่าคนเยอะมากๆ เป็นโซนเที่ยวกลางคืน แต่ก็เหมาะสำหรับการพักนะ มีร้านค้า มีของกินเยอะ ชอบโซนนี้ครับ
พักโซนนี้ก็บังเอิญไปเจอกับโซนที่ฮิปมากๆอยู่เลียบน้ำ ซึ่งเดี๋ยวจะมาเขียนอัปเดตให้เพื่อนๆในวันถัดไปนะ โซนที่ผมไปเจอมาและชอบมากๆคือ TENJIN CHUO PARK เป็นพื้นที่สาธารณะเลียบคลองซึ่งมีร้านเด็ดๆหลายร้าน
พาเที่ยวโซนสุดฮิปเลียบแม่น้ำ TENJIN CHUO PARK กับ 3 ร้านที่ไม่อยากให้เพื่อนๆพลาด
1 ) TOFFY ร้านน้ำเต้าหู้ที่ดังมากๆ มีขนมที่ขึ้นชื่อหลายอย่างเช่น Tiramisu และ Soy Cheesecake อร่อยทั้งคู่เลย และสำหรับในช่วงเย็นร้านนี้ก็จะกลายเป็นร้านขายเบียร์ บรรยากาศดี สามารถนั่งริมน้ำ ดูเรือผ่านไปมาได้
สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : www.instagram.com/toffeepark_fukuoka
2 ) สายการแฟต้องห้ามพลาดกับร้าน Coffeecount ที่อยู่ในร้าน Stock Bakery ร้านเบเกอรี่ที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมปังและขนมต่างๆ ผมมาที่นี่ 4 วัน คนต่อแถวทุกวัน กาแฟดีมากๆดีที่สุดในทริปนี้ ด้านบนมาจุดนั่งบนดาดฟ้าร้าน ชิลมากๆ * หากนั่งจำเป็นตั้งสั่งเครื่องดื่มคนละ 1 แก้วนะครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.instagram.com/coffeecountystock
3 ) ร้าน Ganso Hakata Mentaiju ต้นตำรับไข่ปลาของดีของเมือง Hakata ที่คนต่อแถวรอใช้ได้เลย ร้านสวยน่าไปลองทานสักครั้ง ไข่ปลาเมนไทโกะคือไข่ปลอคอตที่ทางร้านปรุงด้วยซอสสูตรพิเศษวางไว้บนข้าวญี่ปุ่น อร่อยมากๆ มาถึงนี่แล้วต้องลอง ราคาสูงนิดนึง 1,680 Yen แต่คุ้มค่านะ มีเมนไทโกะให้ซื้อกลับเป็นของฝากด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.instagram.com/ganso_hakata_mentaiju/
มา FUKUOKA แต่ไม่อยากเที่ยวไกล ไปไหนดีบ้าง
เนื่องจากผมเคยมาเที่ยว Roadtrip รอบเกาะคิวชูไปแล้วเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ทริปนี้ญี่ปุ่นเปิดให้เข้า ผมเลยแค่ตั้งใจบินมาเพื่อกินเที่ยวแบบสบายๆ เลยเที่ยวใกล้ๆในเมือง Fukuoka เผื่อใครอยากรู้ว่าควรไปที่ไหนบ้างอ่านนี้เลย
Nanzoin Temple ( วัดนันโซอิน ) เดินทางง่าย ใหญ่อลังกว่าที่คิด
วัดนันโซอินเป็นตัวเลือกแรกๆที่ผมอยากมาเที่ยวเลย เพราะความสวยงามของรูปองค์พระนอนสำริด ( Reclining Buddha ) ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับต้นๆของโลก โดยมีความยาว 41 เมตร ความสูง 11 เมตรและหนักถึง 300 ตัน
วิธีการเดินทาง
สามารถเดินทางจาก Hakata โดยรถไฟ JR สาย Sasaguri Line ไปลงที่สถานี Kido Nanzoin-mae Stationใช้เวลาประมาณ 25 นาทีและเดินอีกประมาณ 3-5 นาทีเองครับ
เที่ยววัดนันโซอิน ควรมาหรือไม่
สำหรับผมเอง ตั้งแต่เดินเข้ามาในวัดรู้สึกได้ถึงความสงบและค่อนข้างเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ครับ ที่นี่เค้าย้ำว่าไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว มีจุดไหว้ต่างๆมากมาย บางโซนก็ขนลุกมากครับ แต่สำหรับโซนที่มีพระนอนอยู่บนภูเขา ช่วงที่มาเป็นช่วงบ่ายๆทำให้แสงส่องลงมาบนองค์พระดูสวยมากๆ และเนื่องจากอยู่บนเขา อากาศเย็นสบายดี สามารถมานั่งชมวิว ทานไอศกรีมได้ คุ้มค่าที่จะมาและเดินทางไม่ลำบาก ไม่เหนื่อยเลยครับ
สิ่งสำคัญที่ควรรู้
วัดค่อนข้างเคร่งมากๆ ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สั้น ( หากใส่มาแล้ว มีเสื้อผ้าคลุมให้ ), ห้ามส่งเสียงดัง, ห้ามทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มระหว่างทางจุดต่างๆ, หากมีรอยสักจำเป็นต้องสวมชุดคลุมทับให้มิดชิดครับ
เที่ยวทะเล FUKUOKA ชมพระอาทิตย์ตกวิวสุดฟินที่ Marizon ( マリゾン ) หาด MOMOCHIHAMA
ใครที่มีเวลาว่างอยากให้เตรียม 1 วันสำหรับมาเที่ยว Fukuoka Tower ( ตึกสูงอันดับ 3 ของญี่ปุ่น ) ที่เราสามารถขึ้นไปเที่ยวถ่ายรูปได้ เดินมาอีกนิดก็ถึงหาด MOMOCHIHAMA ที่มีร้านอาหาร มีจุดให้นั่งชมวิว
วิธีการเดินทาง
จากสถานี HAKATA จุดรอรถบัส ให้ขึ้นรถเมย์สาย 306 ( มีรถเลขอื่นๆด้วยสามารถดูได้ที่ป้ายรถบัสตรงที่ยืนรอ ) โดยนั่งมาลงที่ FUKUOKA TOWER
จากสถานี TENJIN รอรถบัสที่ชานชาลา 1A และขึ้นรถสาย W1 หรือ 302 มาลงที่ FUKUOKA TOWER * หากใครที่ต้องการนั่งรถไฟใต้ดิน สามารถนั่งจาก TENJIN สาย KUKO LINE ( AIRPORT LINE ) มาลงที่สถานี NISHITETSU และเดิน แต่ไกลนิดนึง
ชอปปิ้งห้าง CANEL ชมระบำน้ำพุกับเสียงเพลง
เดี๋ยวร้านอาหารหรือที่เที่ยวต่างๆผมจะมาทยอยอัปเดตให้นะครับ แต่ขอเขียนถึงที่ไปเที่ยวมาสดๆร้อนก่อน กับเมือง Itoshima เมืองชายหาดที่น่าสนใจ
เที่ยวแบบ SURFER'S HOLIDAY เลยขอแอบออกนอกเมืองไปเที่ยวทะเลสักหน่อย
จริงๆแล้วใกล้ฟุกุโอกะมีชายทะเลเยอะแยะมากมายเลย และหลายหาดสามารถโต้คลื่นได้อีกด้วยแต่ทริปนี้เป็นทริปเน้นกินและดื่ม เราจึงปฏิญาณตนว่าจะไม่คิดมาก เน้นกินดื่มสนุกให่คุ้มค่าที่มาพอ เราเที่ยวในเมืองกันมาสองวันแล้ว เลยเลือกจิ้มมาหนึ่งที่ ที่จะได้นั่งรถออกไปเที่ยวไปถ่ายรูปกันบ้าง และเราก็เลือก Itoshima ซึ่งมีความน่าสนใจก็คือ เดินทางไปยากมากนัก และมีมุมให้ถ่ายรูปสวยแปลกตา กับ Sakurai Futamigaura's Couple Stones ซุ้มประตูสีขาวแปลกตา ที่ด้านหลังเป็นหินสองอันที่เชื่อมต่อคล้องโดยเชือกขนาดใหญ่ แต่ดูผิวเผินก็น่าสนใจ เพราะประตูโทริอิที่เห็นตามทะเลดังๆส่วนใหญ่เป็นประตูสีแดง แต่ที่นี่เป็นสีขาวดูแปลกตาดี เราเลยวางแผนกันไปในวันรุ่งขึ้นครับ
วิธีการเดินทาง
- หากใครมีรถส่วนตัว ถือว่าไปไม่ยากมากๆ แต่ถ้าใครไม่มีต้องบอกว่าแอบยากนิดหน่อย แต่ไม่ยากเกินไปถ้าใจต้องการ
การเดินทางโดยรถไฟ
- จาก Hakata หรือสนามบิน ให้นั่งรถสาย Chikuzen-Maebaru ไปลงที่สถานีรถไฟ Kyudai-Gakkentoshi Station แล้วต้องรอต่อรถ บัสจากสถานีรถไฟ Kyudai-Gakkentoshi ตรงจุดขึ้น รถบัสช่อง 2 นั่งรถบัสสาย Nishi-no-Ura ไปลงที่ป้ายจอด Futami-ga-Ura
การเดินทางโดยรสบัส
- ผมเลือกใช้วิธีนี้เพราะสะดวกและดูง่ายที่สุด แค่เดินไปขึ้นรถบัสหลังที่พักและนั่งยาวๆไป 50 นาทีแล้วเดินต่อ นั่งรถจากสถานี Tenjin ไปลงยังสถานี Itoshima และเดินต่อประมาณ 2 กิโล จริงๆมีรถไปถึงหน้าหาดเลยนะ แต่ไม่รู้
ตอนที่ผมมา ดันลงระหว่างทางทำให้ต้องเดินไปด้วยเท้ากว่า 3 กิโล ถ้าใครที่ต้องการมาที่นี่แนะนำให้เปิดรูปหรือชื่อหาดให้คนขับรถบัสดูนะครับ เค้าจะช่วยแนะนำให้
เดินมาถึงหาดแล้ว หาดชิลใช้ได้เลย อยากลงไปเล่นน้ำมากๆ แต่น้ำเย็น ด้านหน้าก็มีคนไปโต้คลื่นอยู่สามคน
เดินมานิดนึงก็ถึงแล้วครับกับหาด Sakurai Futamigaura แล้ว เห็นประตูและหินคู่รักมาแต่ไกลเลยหล่ะ
มาเห็นกับตาแล้ว ต้องบอกว่าประตูใหญ่กว่าที่เห็นในภาพรีวิวทั่วไป และหินคู่รัก็ใหญ่มากๆ มองจากรูปนึกว่าเล็กนิดเดียว ผมรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหินและเสาโทริมาให้ดังนี้ครับ
- หินคู่รักมีชื่อว่า Meotoiwa มีคนเชื่อว่า มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องราวของความรัก
- เชื่อกันว่าหินคู่รักเมโอโตอิวะ เป็นเทพเจ้าญี่ปุ่นผู้สร้างโกลขึ้นมา ผู้ชายชื่อว่าอิซานางิและผู้หญิงชื่อว่าอิซานา
- หินผู้ชายมีความสูง 11.8 เมตร และหินผู้หญิงสูง 11.2 เมตร
- หินทั้งสองโดนคล้องกันด้วยเชือกศักดิ์สิทธิ์ชื่อว่า Shime Nawa ที่มีความยาวถึง 30 เมตรและมีน้ำหนักถึง 1 ตัน ใช้คนกว่า 50 คนในการยกและทำการคล้อง
- แต่ละปีจะมีการเปลี่ยนเชือกในเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม
- เสาโทริอิสีขาว ถูกสร้างเพื่อเอาไว้บูชาสักการะหินคู่รัก
- ช่วงที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวที่สุดคือช่วงฤดูร้อน เพราะแสงจะสวยที่สุด แต่ช่วงที่ผมมาก็สวยอยู่นะ
มีคนเชื่อว่าหากใครมาขอพรด้วยใจบริสุทธิ์เกี่ยวกับความรัก ก็มีโอกาสที่จะสมหวัง นั่นแหละคือเหตุผลที่ผมเดินทางมาในวันนี้
แต่ไม่ว่าพรจะเป็นจริง จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็ไม่สำคัญเท่าการที่เราได้มาเที่ยวทะเลสวยๆ ได้มาเห็นซุ้มประตูของจริงๆกับบรรยากาศดีๆแบบนี้ก็คุ้มค่าแล้ว แต่ถ้าพรเป็นจริงด้วยก็จะดีนะ 5555
นอกจากเรื่องราวของหินคู่รักและซุ้มประตูโทริอิสีขาวแล้ว บริเวณชายหาดแห่งนี้ยังมีร้านคาเฟ่และมุมถ่ายรูปสวยๆอีกมากมาย แต่ร้านเปิดช้ามากๆ และบางวันก็ปิด เพราะฉะนั้นแนะนำให้เอาขนมมาเผื่อด้วยนะ น้ำมีตู้กด และก็มีห้องน้ำไว้บริการจา ใครอยากทำกิจกรรมทางน้ำก็มีให้เช่าด้วย
มุมนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ฮิตมากในหมู่คนญี่ปุ่น ซึ่งจากการค้นหาข้อมูล ตอนพระอาทิตย์ตกหาดนี้ก็วิวสวยมากๆเลยครับ แต่อาาจะเหมาะสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะคนที่มารถบัสอาจจะพลาดรถได้ลองวางแผรดีๆนะครับ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับItoshima จาก Jpan55.com และ Japan.travel
สำหรับผมเองการได้ลองมาเที่ยวทะเลใกล้ Fukuoka ซึ่งเชื่อว่าหลายคนไม่เคยรู้มาก่อนแน่ๆ ก็เป็นทริปที่น่าสนใจดี ตอนนี้งงไปหมดแล้ว เพราะเาอจริงๆนะ Fukuoka มีที่เที่ยวเยอะมากๆจริง ลา 1 อาทิตย์มันพอที่ไหนกัน นี่ขนาดผมมาเที่ยวแค่ 3 วันยังเก็บไปขนาดนี้ ฝากเพื่อนๆติดตามกันต่อว่าผมจะไปเที่ยวไหนอีกบ้าง นี่อัปเดต Real Time สุดชีวิต
ใครที่อยากเห็นว่าผมไปกิน เที่ยว ร้านไหนบ้างตลอดทริปนี้ สามารถเข้าไปดู IG Story ได้ที่ www.instagram.com/tahsurferday ได้นะครับ
เที่ยวญี่ปุ่นกันให้สนุกและรออ่านๆรีวิวฉบับเต็มกันด้วยนะครับ
#ไปฟุกุโอกะไปกับแอร์เอเชีย